วันพุธที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2552

Function mysql_connect

Mysql_connection Version ที่รองรับ (4,5)

Mysql_connection ใช้สำหรับเปิด Connection ไปที่ Mysqlserver

รูปแบบ

resource mysql_connect ([ string $server = ini_get("mysql.default_host") [, string $username = ini_get("mysql.default_user") [, string $password = ini_get("mysql.default_password") [, bool $new_link = false [, int $client_flags = 0 ]]]]] )

Parameters

  • servername คือ ชื่อของ server ที่มี mysql ที่ webserver มองเห็น ซึ่งอาจจะเป็น IP หรือ HostName ก็ได้
  • username คือ ชื่อผู้ใช้ ที่สามารถ Connection ไปยัง mysql Server ได้
  • password คือ รหัสผ่านที่ สามารถ Connection ไปยัง mysql Server ได้
  • new_link เป็น optionnal คือมีหรือไม่มีก็ได้ ซึ่งค่า Defaul ก็คือ false หมายถึงว่า เป็นการสร้าง Conneciton ใหม่ หรือเปล่า
  • client_flags เป็น optional คือ มีหรือไม่มีก็ได้ ซึ่งค่า Default ก็คือ 0

Return

  • ถ้าสำเร็จจะ return เป็น link_id เพื่อใช้ในการอ้างอิงถึง Connection ในการทำงานต่อๆ ไปถ้า ไม่สำเร็จจะ return false

Examples

<?php

$link = mysql_connect('localhost', 'mysql_user', 'mysql_password'); // เปิด Connection ที่ localhost ด้วย username ชื่อ mysql_user และ password ชื่อ mysql_password
if (!$link) { // เช็คว่า ตัวแปร link มีค่า false หรือเปล่า โดยเครื่องหมาย ! คือ inverse ค่า
die('Could not connect: ' . mysql_error()); // ให้จบการทำงาน โดยพิมพ์ Could not connect พร้อมกับ ใช้ Function ในการแสดง Error ของ mysql
}
echo 'Connected successfully'; // แสดง text ว่า Connect สำเร็จ
mysql_close($link); // เป็น Function ในการ ปิด Connection โดย รับ parameter เป็น link_id ที่ได้จากการสร้าง Connection

?>


วันอังคารที่ 8 กันยายน พ.ศ. 2552

Jsp คืออะไร

เจเอสพี (JavaServer Pages: JSP) เป็นเทคโนโลยี จาวา ที่เปิดช่องทางให้ผู้พัฒนาซอฟต์แวร์สร้าง HTML, XML หรือไฟล์เอกสารในประเภทนี้ ตามความต้องการของเครื่องลูกข่ายร้องขอ ซึ่งเทคโนโลยีนี้ เปิดให้ใช้ ภาษาจาวา ในการสร้างและกรทำการใดๆ เพื่อให้หน้าเพจธรรมดา กลายเป็น หน้าเพจที่สามารถตอบสนองได้ โดยเจเอสพีจะถูกโปรแกรมเว็บเซิร์ฟเวอร์ที่สนับสนุนเจเอสพี เช่น อะแพชี ทอมแคต GlassFish แปลให้เป็น จาวา คลาส ที่เรียกว่า เซิร์ฟเลต ซึ่งพร้อมที่จะประมวลผลด้วย จาวา และแสดงผลออกเป็น HTML

การเขียน Jsp จะเป็นในลักษณะเป็นแบบ Script ก็คือสามารถเขียน สลับไปมาหว่าง tag ประเภท ต่างๆ ได้ เช่น switch ระหว่าง html กับ jsp หรือว่า jsp กับ javascript ทำให้ผู้เขียนโปรแกรมสามารถเขียนได้ ง่าย กว่า Servelet ที่ต้องเขียน Java อย่างเดียว แหละ ไม่สามารถ สลับไปมาได้ ต้อง print ออกมาพร้อมกัน

เนื่องจาก Jsp ใช้ภาษา Java ในการพัฒนา ทำให้ มี Framework ต่างๆ เกิดขึ้นอย่างมากมาย โดยเป็นการอ้าง package หรือว่า jar ที่สามารถไป download มาได้แหละมีการออกแบบ Framework ที่ Strong และเหมาะแก่การพัฒนา ในแต่ล่ะงานมากขึ้น

Tool ที่ใช้ เขียน Java ที่นิยมจะมี ด้วยกัน 2 เครื่องมือคือ
  1. NetBean
  2. Eclipse

Asp Asp.net คืออะไร

เอเอสพี (ASP = Active Server page) และ เอเอสพีดอทเน็ต (ASP.NET = Active Server page .NET) คือ ภาษาโปรแกรมที่ทำงานบนเครื่องบริการเว็บไอไอเอส (IIS = Internet Infomation Service) เป็นภาษาสคริปต์ทำงานฝั่งเครื่องบริการ (Server-Side Script) พัฒนาโดยบริษัทไมโครซอฟท์ โดยมีรากฐานภาษามาจากภาษาเบสิก สำหรับเอเอสพีดอทเน็ตจะต้องทำงานบนดอทเน็ตเฟรมเวิร์ค (Dotnet Framework)

บริษัทไมโครซอฟท์ได้เริ่มพัฒนาเอเอสพีในช่วงเดือนธันวาคม พ.ศ. 2540 (ค.ศ.1997) มากับไอไอเอส 3.0 (IIS = Internet Information Server) สำหรับเอเอสพีรุ่น 1 ถูกมองว่าทำงานได้ล่าช้ากว่าโปรแกรมประเภทเดียวกัน อีก 1 ปีต่อมา บริษัทไมโครซอฟท์ได้เปิดตัวเอเอสพีรุ่น 2 ให้เป็นส่วนหนึ่งของ Option Pack ใน Windows NT4 และ 2 ปีต่อมาไอไอเอสรุ่น 3 ได้เปิดตัวเป็นส่วนหนึ่งของระบบปฏิบัติการวินโดว์ 2000

รุ่นของเอเอสพี (ASP Version)
- ASP รุ่น 1 (ธันวาคม ค.ศ.1997) พร้อมเว็บเซิร์ฟเวอร์ไอไอเอส 3.0 (IIS 3.0)
- ASP รุ่น 2 (กันยายน ค.ศ.1998) พร้อมเว็บเซิร์ฟเวอร์ไอไอเอส 4.0 บนวินโดว์ NT
- ASP รุ่น 3 (พฤศจิกายน ค.ศ. 2000) พร้อมเว็บเซิร์ฟเวอร์ไอไอเอส 5.0 บนวินโดว์ 2000
- ASP+ (ปลาย ค.ศ.2000) เป็นรุ่นทดลองใช้ชื่อว่า ASP+ ต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็น ASP.NET
- ASP.NET รุ่น 1 (กุมภาพันธ์ ค.ศ.2002) เปิดตัวพร้อม .NET Framework
- ASP.NET รุ่น 2 เปิดตัว 7 พฤศจิกายน ค.ศ.2005

PHP คืออะไร

PHP คืออะไร PHP นั้นชื่อย่อ มาจาก Profession Home Page เป็น ตัวแปรภาษา PHP ซึ่งมี เป็นภาษาที่เข้าใจง่ายและมีรูปแบบ ภาษา C ทำให้คนนิยมพัฒนา และเป็น OpenSource อีกด้วย และปัจจุบันยังพัฒนาให้รองรับ การเขียนในลักษณะ Object Oriented และมี Framework ถูกพัฒนาให้รองรับมากมาย

ประวัติ PHP เกิดในปี 1994 โดย Rasmus Lerdorf โปรแกรมเมอร์ชาวสหรัฐอเมริกาได้คิดค้นสร้างเครื่องมือที่ใช้ในการพัฒนาเว็บส่วนตัวของเขา โดยใช้ข้อดีของภาษา C และ Perl เรียกว่า Personal Home Page และได้สร้างส่วนติดต่อกับฐานข้อมูลชื่อว่า Form Interpreter ( FI ) รวมทั้งสองส่วน เรียกว่า PHP/FI ซึ่งก็เป็นจุดเริ่มต้นของ PHP มีคนที่เข้ามาเยี่ยมชมเว็บไซต์ของเขาแล้วเกิดชอบจึงติดต่อขอเอาโค้ดไปใช้บ้าง และนำไปพัฒนาต่อ ในลักษณะของ Open Source

ภายหลังมีความนิยมขึ้นเป็นอย่างมากภายใน 3 ปีมีเว็บไซต์ที่ใช้ PHP/FI ในติดต่อฐานข้อมูลและแสดงผลแบบ ไดนามิกและอื่นๆ มากกว่า 50000 ไซต์

Version PHP

PHP เป็นภาษาสคริปต์ที่ประมวลผลที่ฝั่งเซิร์ฟเวอร์ แล้วส่งผลลัพธ์ไปแสดงผลที่ฝั่งไคลเอ็นต์ผ่านบราวเซอร์เช่นเดียวกับ CGI และ ASP ต่อมาเมื่อมีผู้ใช้มากขึ้นจึงมีการร้องขอให้มีการพัฒนาประสิทธิภาพของ PHP/FI ให้สูงขึ้น Rasmus Lerdorf ก็ได้ผู้ที่มาช่วยพัฒนาอีก 2 คนคือ Zeev Suraski และ Andi Gutmans ชาวอิสราเอล ซึ่งปรับปรุงโค้ดของ Lerdorf ใหม่โดยใช้ C++ ต่อมาก็มีเพิ่มเข้ามาอีก 3 คน คือ Stig Bakken รับผิดชอบความสามารถในการติดต่อ Oracle, Shane Caraveo รับผิดชอบดูแล PHP บน Window 9x/NT, และ Jim Winstead รับผิดชอบการตรวจ ความบกพร่องต่างๆ และได้เปลี่ยนชื่อเป็น Professional Home Page

PHP3 ได้ออกสู่สายตาของนักโปรแกรมเมอร์เมื่อ มิถุนายน 1998 ที่ผ่านมาในเวอร์ชั่นนี้มีคุณสมบัติเด่นคือสนับสนุนระบบปฏิบัติการทั้ง Window 95/98/ME/NT, Linux และเว็บเซร์ฟเวอร์ อย่าง IIS, PWS, Apache, OmniHTTPd สนับสนุน ระบบฐานข้อมูลได้หลายรูปแบบเช่น SQL Server, MySQL, mSQL, Oracle, Informix, ODBC

PHP4 ซึ่งได้เพิ่ม Functions การทำงานในด้านต่างๆให้มากและง่ายขึ้นโดย Zend ซึ่งมี Zeev และ Andi Gutmans ได้ร่วมก่อตั้งขึ้น ( http://www.zend.com/ ) ในเวอร์ชั่นนี้จะเป็น compile script ซึ่งในเวอร์ชั่นหน้านี้จะเป็น embed script interpreter ในปัจจุบันมีคนใช้ PHP สูงกว่า 5,100,000 sites แล้วทั่วโลก ผู้พัฒนาได้ตั้งชื่อของ PHP ใหม่ว่า PHP: Hypertext Preprocessor ซึ่งหมายถึงมีประสิทธิภาพระดับโปรเฟสเซอร์สำหรับไฮเปอร์เท็กซ์ ความสามารถของ PHP นั้นในความสามารถพื้นฐานที่ภาษาสคริปต์ทั่วๆไปมีนั้น PHP ก็มีความสามารถทำได้ทัดเทียมเช่นเดียวกันเช่น การรับข้อมูลจากฟอร์ม, การสร้าง Content ในลักษณะ Dynamic, รับส่ง Cookies, สร้าง, เปิด, อ่าน และปิดไฟล์ในระบบ, การรองรับระบบจัดการฐานข้อมูลมากมาย Protocol Support ความสามารถในการรองรับโปรโตคอลหลายแบบทั้ง IMAP, SNMP, NNTP, POP3, HTTP และยังมีไลบารีสำหรับติดต่อ กับแอพพลิเคชั่นได้มากมาย มีความยืดหยุ่นสูงสามารถนำไปสร้างแอพพลิเคชั่นได้หลากหลาย และอีกข้อดีหนึ่งที่โดเด่นคือของ PHP ก็คือสามารถแทรกลงในแท็ก HTML ในตำแหน่งใดก็ได้

PHP 5 Version ล่าสะด มีการปรับปรุงความสามารถเพิ่มเติมขึ้นมาจาก PHP 4 มากมาย ดังนี้

  1. ความสามารถทางด้าน OOP (Object-Oriented Programming) ความสามารถทางด้านการเขียนโปรแกรมเชิงวัตถุหรือ OOP ได้มีมาตั้งแต่ PHP 3 แล้ว และได้ปรับปรุงต่อเนื่องมาจนถึง PHP 4 แต่ความสามารถทางด้าน OOP ใน PHP 4 นั้นยังไม่สมบูรณ์นักและยังขาดฟีเจอร์ที่สำคัญในหลายด้าน เช่น การประกาศ Constructors และ Destructors การกำหนดขอบเขตของตัวแปรและเมธอดเป็น public, protected, private เป็นต้น โดยใน PHP 5 ได้ปรับปรุงความสามารถทางด้าน OOP ให้สมบูรณ์ขึ้น ทำให้โปรแกรมเมอร์สามารถเขียน PHP โดยใช้หลักการของ OOP ได้อย่างสมบูรณ์แบบ
  2. เพิ่ม MySQLi Extension MySQL นั้นเป็นระบบจัดการฐานข้อมูลที่ได้รับความนิยมในการนำมาพัฒนา Web Application ร่วมกับ PHP มานาน โดยใน MySQL เวอร์ชัน 4.1 และเวอร์ชัน 5 ได้เพิ่มเติมฟีเจอร์ที่สำคัญมากมาย เช่น Prepared statement การเชื่อมต่อฐานข้อมูลโดยใช้ SSL การใช้ Multi-query, Transaction เป็นต้น ดังนั้น PHP 5 จึงได้มีการเพิ่ม MySQL Extention ขึ้นมาใหม่โดยใช้ชื่อว่า MySQLi ซึ่งจะช่วยให้เราสามารถนำฟีเจอร์ใหม่ ๆ ของ MySQL ออกมาใช้ได้อย่างเต็มที่
  3. ผนวก SQLite ไว้ใน PHP แม้ว่า MySQL จะเป็นระบบจัดการฐานข้อมูลที่ได้รับความนิยมและนำมาใช้ร่วมกับ PHP มากที่สุด แต่ใน PHP 5 นั้นได้ผนวกรวมเอา SQLite ซึ่งเป็นระบบจัดการฐานข้อมูลขนาดเล็กเข้าไว้ด้วย โดยที่ผู้ใช้ไม่ต้องติดตั้งระบบจัดการฐานข้อมูลเพิ่มเติมก็สามารถเขียนโปรแกรม PHP เพื่อติดต่อกับฐานข้อมูลได้เลย ซึ่งช่วยอำนวยความสะดวกในการเขียนโปรแกรมได้มากทีเดียว
  4. สนับสนุน XML และ SOAP อย่างเต็มประสิทธิภาพ ใน PHP 5 มีการปรับปรุงความสามารถของ XML เพิ่มเติมโดยจะมีไลบรารี libxml2 ซึ่งเป็นไลบรารีมาตรฐานที่ PHP ใช้ติดต่อกับ XML นอกจากนี้ยังปรับปรุงและเพิ่มเติมในส่วนของ DOM(Document Object Model), XSLT (Extensible Stylesheet Language Transformations) และ SimpleXML โดยการออกแบบให้สามารถทำงานร่วมกับ XML ได้ดียิ่งขึ้น นอกจากนี้ใน PHP 5 ยังสนับสนุน SOAP ซึ่งเป็นส่วนประกอบสำคัญในการพัฒนาเว็บเซอร์วิส5. การตรวจจับและจัดการข้อผิดพลาด ใน PHP 5 มีการพัฒนาระบบตรวจจับและจัดการข้อผิดพลาดขึ้นมา เรียกว่า exception handling ซึ่งจะคล้ายกับที่มีในภาษา Java และ C++ ซึ่งจะช่วยอำนวยความสะดวกและเพิ่มประสิทธิภาพในการตรวจสอบและจัดการข้อผิดพลาดที่อาจจะเกิดขึ้นในการรันโปรแกรมได้6. เพิ่ม Iterator Iterator ใน PHP 5 เป็นการใช้คำสั่ง foreach ในการวนลูปร่วมกับข้อมูลชนิดต่าง ๆ ได้หลายชนิด ไม่ว่าจะเป็นอ็อบเจ็กต์ต่าง ๆ เอกสาร XML โครงสร้างไดเรกทอรี่หรือผลลัพธ์จากการ query ฐานข้อมูล เป็นต้น

สามารถ Download ได้ดังนี้

http://www.php.net/downloads.php

Mysql คืออะไร

Mysql คืออะไร เป็น DBMS : Database ManageMent System เป็น Software ที่สามารถ Download Free ได้ ซึ่งได้พัฒนามาควบคู่กับ Apache และ Php เนื่องจากเป็น Software ที่มักจะถูกใช้งานร่วมกันทำให้ php ได้พัฒนา Driver ในการ Connect มารวมอยู่ใน Php ทำให้นักพัฒนาส่วนใหญ่จะ ใช้ mysql ควบคู่กับ php

Mysql ทำหน้าที่อะไรบ้าง ซึ่งก็จะทำหน้าหลัก ๆ คล้ายกับ DBMS ทั่วๆ เพียงแต่ใน version แรกๆ อาจจะไม่เก่งกว่า และ มี Feature ไม่มากพอ แต่ปัจจุบัน Sun Microsystem ได้ซื้อ Mysql ไป ทำให้ การพัฒนา ของ Mysql มีมากขึ้น และเป็นที่รู้จักมากขึ้น โดยหน้าที่มีดังนี้

  1. สามารถสร้าง Table View ได้
  2. สามารถสร้าง user และกำหนด สิทธิ ต่าง ๆได้
  3. สามารถ รองรับ Concurent ที่มาก ๆ โดย Mysql รองรับการออกแบบ Replication เพื่อกระจาย Load ไปให้เครื่องต่างๆ
  4. มี Feature Backup และ Restore ได้ โดยง่าย
  5. Support ในการทำ Atom transaction ก็คือการ commit และ Rollback โดยสร้าง table เป็น Type Innodb ซึ่ง Mysql Support หลาย Table Type
  6. Support Charset ต่างๆ เช่น UTF-8, TIS-620

Mysql สามารถ Download ได้จาก Link ดังต่อไปนี้

http://dev.mysql.com/downloads/

Apache คืออะไร

Apache คืออะไร Apache คือ Software ที่ทำหน้าที่เป็น webserver โดยให้บริการ protocol HTTP ที่ port 80 ลักษณะเด่น คือเป็น Software ที่เป็น Opensource ติดตั้งมาพร้อมกับ ระบบปฎิบัติการ Linux และมีใช้กันอย่างแพร่หลายมากที่สุดในโลก

ที่มาของชื่อ Apache มาจากกลุ่มคนที่ช่วยสร้างแพตช์ไฟล์สำหรับโครงการ NCSA httpd1.3 ซึ่งกลายมาเป็นที่มาของชื่อ A PAtCHy server และในอีกความหมายหนึ่งยังกล่าวถึงเผ่าอะแพชีหรืออาปาเช่ ซึ่งเป็นเผ่าอินเดียนแดงที่มีความสามารถในการรบสูง

ประวัติของ Apache พัฒนามาจาก HTTPD Web Server ที่มีกลุ่มผู้พัฒนาอยู่ก่อนแล้ว โดย ร็อบ แม็คคูล (Rob McCool) ที่ NCSA (National Center for Supercomputing Applications) มหาวิทยาลัยอิลลินอยสมหาวิทยาลัยอิลลินอยส์ เออร์แบนา-แชมเปญจน์ สหรัฐอเมริกา แต่หลังจากที่ แม็คคูล ออกจาก NCS และหันไปให้ความสนใจกับโครงการอื่นๆ มากกว่าทำให้ HTTPD เว็บเซิร์ฟเวอร์ ถูกปล่อยทิ้งไม่มีผู้พัฒนาต่อ แต่เนื่องจากเป็นซอร์ฟแวร์ที่อยู่ภายใต้ลิขสิทธิ์ กนู คือ ทุกคนมีสิทธิ์ที่จะนำเอาซอร์สโค้ดไปพัฒนาต่อได้ ทำให้มีผู้ใช้กลุ่มหนึ่งได้พัฒนาโปรแกรมขึ้นมาเพื่ออุดช่องโหว่ ที่มีอยู่เดิม (หรือ แพช) และยังได้รวบรวมเอาข้อมูลการพัฒนา และการแก้ไขต่างๆ แต่ข้อมูลเหล่านี้อยู่ตามที่ต่างๆ ไม่ได้รวมอยู่ในที่ที่เดียวกัน จนในที่สุด ไบอัน บีเลนดอร์ฟ (Brian Behlendorf) ได้สร้างจดหมายกลุ่ม (mailing list) ขึ้นมาเพื่อนำเอาข้อมูลเหล่านี้เข้าไว้เป็นกลุ่มเดียวกัน เพื่อให้สามารถเข้าถึงข้อมูลเหล่านี้ได้ง่ายยิ่งขึ้น และในที่สุด กลุ่มผู้พัฒนาได้เรียกตัวเองว่า กลุ่มอาปาเช่ (Apache Group) และได้ปล่อยซอฟต์แวร์ HTTPD เว็บเซิร์ฟเวอร์ ที่พัฒนาโดยการนำเอาแพชหลายๆ ตัวที่ผู้ใช้ได้พัฒนาขึ้นเพื่อปรับปรุงการทำงาน ของซอฟ์ตแวร์ตัวเดิมให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นตั้งแต่ ปี พ.ศ. 2539 Apache ได้รับความนิยมขึ้นเรื่อยๆ จนปัจจุบันได้รับความนิยมเป็นอันดับหนึ่ง มีผู้ใช้งาน อยู่ประมาณ 65% ของเว็บเซิร์ฟเวอร์ที่ให้บริการอยู่ทั้งหมด11111



โดยหน้าที่หลักของ webserver ทั่วไปมีดังนี้


  1. คอยจัดการ Request ก็คือ การร้องขอข้อมูล
  2. คอยจัดการ Resposne ก็คือ การส่งข้อมูลกลับไป
  3. คอยจัดการ process และจัดลำดับ ของ request และ response
  4. คอยเก็บ logs ที่มีการ access เข้ามารวมกระทั้ง error ต่างๆๆ ที่ webserver พบ เช่น ไม่เจอไฟล์ชื่อนี้
  5. สามารถ เอา module มาใช่ร่วมกับ webserver ได้ ยกตัวอย่างเช่น Apache นั้น ไม่สามารถ run ไฟล์ .php ได้ ต้อง เรียกใช้ module php อีกที หรือ การ rewrite url ก็ใช่เดียวกันต้องใช้ mod_rewrite ในการสร้าง

เมื่อรู้หน้าที่ของ Apache ไปแล้วทีนี้เรามารู้จัก Webserver ตัวอื่น บ้าง ๆๆ

  1. IIS เป็น Webserver ที่ทาง Microsoft พัฒนาขึ้น โดยจะติดตั้งมาให้กับ ตระกูล Window NT หรือว่า Windows ตระกูล Server นั้นเอง ใน IIS จะติดตั้งตัว Compile ภาษา asp หรือว่า asp.net มาให้ด้วย ซึ่งสามารถ Config ให้ Run php โดย ติดตั้งตัวแปรกภาษา php ลงไป ในบทความบทต่อไปจะได้กล่าวถึง
  2. Apache Tomcat เป็น หนึ่งในตระกูล Apache ซึ่งเป็น Opensource เช่นเดียวกับ Apache แต่จะติดตั้งตัว Compile ภาษา Jsp มาให้ด้วย โดยลักษณะการทำงาน ก็คือ Apache Tomcat จะ Compile ไฟล์ jsp เป็น Class File ที่เรียกว่า Servlert ก่อนแล้วจึงให้ ตัว Servlet Engine ทำหน้าที่ในการ Compile ต่อ ออกมาเป็น Web
  3. Apache เป็น Opensource และมีคนพัฒนา โดยใช้ Apache มากที่สุดในโลก เนื่องจาก Free และ มีบทความต่างๆ รวมถึงเป็น ระบบที่อยู่มานานแล้วจึงมีการพัฒนาจน สเถียรมาก

สามารถ Download Software ได้ที่

http://www.apache.org/dyn/closer.cgi